ประวัติวัดสันติการาม ของ วัดสันติการาม (จังหวัดน่าน)

วัดสันติการาม หรือ(วัดบ้านพร้าว) สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2400[2]เป็นวัดราษฎร์ ประเภทมหานิกาย ตั้งอยู่ ณ เลขที่ 2 หมู่ 8 ตำบลยม อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน

ประวัติวัดบ้านพร้าววัดพร้าว หรือวัดสันติการาม ตำบลยม อำเภอปัว(ในขณะนั้น) จังหวัดน่าน ได้ก่อตั้งอารามเมื่อปี พ.ศ. 2400 ผู้เฒ่าผู้แก่ และราษฎรก็มีน้อย แต่มีใจศรัทธาที่จะสร้างวัด จึงพร้อมใจกันหาที่ดินสร้างวัด แรกสร้างนั้นยังมีพื้นที่ที่คับแคบมาก จึงได้พากันแผ้วถางปรับพื้นที่เรียบร้อย ก็ได้หาไม้เปาหนุ่มมาสร้าง ฝาสานด้วยไม่ไผ่ หลังคามุงด้วยหญ้าคา พื้นปูด้วยดิน แท่นพระเจ้าใช้สร้างเป็นขาตีเป็นโต๊ะวาง สำหรับเคารพกราบไว้บูชาในวันพระ ซึ่งในสมัยนั้นมีนายเมืองคำ พรมวังขวา เป็นผู้ใหญ่บ้าน

  • ต่อมาในปี พ.ศ. 2470 ได้บูรณปฎิสังขรณ์ ใหม่อีกครั้ง ได้วางรางฐาน ก่ออิฐขนาดแผ่นใหญ่ ล้อมรอบทั้ง 4 ด้าน ใช้ดินเผือกทุ่งนามาก่อ ซึ่งในขณะนั้นไม่มีปูนขาว และปูนซีเมนต์ ขนาดกว้าง 3 ห้อง หลังผลัดมุงด้วยหญ้าคา มีหน้าต่างประตู ช่างที่มารับเหมาก่อสร้างวิหาร เป็นคนเมืองพงษ์มาสร้างจนเสร็จเรียบร้อย ซึ่งในขณะนั้นมีนายเสาร์ ไชยเพ็ชร เป็นผู้ใหญ่บ้าน
  • ต่อมาในปี พ.ศ. 2490 ได้รื้อ และปฎิสังขรณ์ พระวิหารเสียใหม่ โดยใช้ไม้ประดู่มาทำเป็นเสา หลังคามุงด้วยไม้แป้นเกร็ด ช่างที่มารับเหมาคือ ผู้ใหญ่หวัน พลจร บ้านดอนมูล ตำบลศิลาเพชร ซึ่งในขณะนั้นมีนายอิ่นเเก้ว ต๊ะผัด เป็นผู้ใหญ่บ้าน
  • ต่อมาวันที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2504 ได้รื้อ และปฎิสังขรณ์ ใหม่ ดังนี้

1. ขุดเอาเสาไม้ประดู่ออก
2. รื้อไม้เเป้นเกร็ดออก
3. ได้รื้อทุบฝาผนังขยายเนื้อที่ออก ให้กว้างกว่าเดิม
4. ได้ก่อเสาอิฐมี 12 เหลี่ยม
5. ได้ตัดหลังคาใหม่เป็น 3 ชุด
6. หลังคามุงเเป้นเกร็ด
7. ขยายประตูหน้าต่างยกหลังคา โดยช่างสมบรูณ์ ถาวงค์ เป็นผู้ทำ
8. ช่างก่อปูน นายขาว บ้านต้นแหล๋ง อำเภอปัว เป็นช่างก่อสร้าง
ซึ่งในขณะนั้นมีนายคำมุง จันทร์สุข เป็นผู้ใหญ่บ้าน

  • ต่อมาวันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2518 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา ซึ่งในขณะนั้นมีนายคำมุง จันทร์สุข เป็นผู้ใหญ่บ้าน
  • ต่อมาวันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2532 ผู้ใหญ่บ้าน และราษฎรในบ้านพร้าว ได้บูรณะปฎิสังขรณ์ และซ่อมแซม พระวิหาร มีรายการดังต่อไปนี้

1. ขุดเสาก่ออิฐ 12 เหลี่ยมออก
2. รื้อไม้
3. แป้นเกร็ดออก
4. ได้ยกหลังคาใหม่
5. ได้หล่อเสาซีเมนต์
6. ได้มุงสังกะสีแดงแทน
7. ได้ยกช่อฟ้า ใบระกาใหม่ เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2533